โดยที่รูปแบบ Wedges นั้นเป็นได้ทั้งรูปแบบต่อเนื่องและรูปแบบกลับตัว
รูปแบบกราฟสามเหลี่ยมแบบเงยขึ้น หรือ Rising Wedge
รูปแบบ Rising wedge เป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของราคาระหว่างเส้นแนวรับและเส้นแนวต้าน ในกราฟนี้ เส้นแนวรับจะมีความชันมากกว่าเส้นแนวต้าน ซึ่งชี้ได้ว่าจุด Higher Low นั้นรวมตัวกันได้เร็วกว่า Higher High ทำให้นำไปสู่รูปแบบที่คล้ายกับรูปแบบ Wedge ซึ่งนั่นก็คือที่มาของชื่อรูปแบบนี้นั่นเอง! และด้วยเส้นราคาที่มารวมกัน เรารู้ได้ว่าคลื่นลูกใหญ่กำลังจะมา ดังนั้นเราสามารถคาดเดาได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของจุด Top หรือ Bottomและถ้าหาก Rising Wedge เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น มันมักจะเป็นรูปแบบกลับตัวแบบ bearish อย่างไรก็ตาม หากมันเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง มันอาจส่งสัญญาณถึงราคาที่ตกอย่างต่อเนื่อง

ในตัวอย่างแรกนี้ รูปแบบ Rising Wedge เกิดขึ้นเมื่อแนวโน้มขาขึ้นสิ้นสุดลง สังเกตได้จากพฤติกรรมของราคาเริ่มก่อตัวอีกครั้ง แต่ยังช้ากว่าตอนที่ราคาอยู่ในจุด Higher Low

เห็นที่ราคาตกลงมาอย่างมากไหม? นั่นหมายความว่า จำนวนของผู้เทรด Forex ที่ต้องการจะขาย(Sell)มีมากกว่ากลุ่มที่ต้องการจะซื้อ (Buy) อย่างมาก!
พวกเขากดราคาให้ต่ำลงไปกว่าเทรนด์ไลน์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มขาลงอาจเกิดขึ้นได้
เช่นเดียวกับรูปแบบการเทรด Forex อื่นๆที่เราได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ การเคลื่อนไหวของราคาหลังจากที่ทะลุจากเส้นที่กำหนดนั้นจะมีระยะทางโดยประมาณเท่าๆกับความสูงของรูปแบบนั้นๆ
และตอนนี้ เรามาดูกันที่ตัวอย่างที่ 2 ของรูปแบบ Rising Wedge กันและในครั้งนี้ มันจะส่งสัญญาณต่อเนื่องในรูปแบบ bearish

อย่างที่คุณเห็น ราคานั้นจะขึ้นมาจากแนวโน้มขาลงก่อนที่จะมารวมตัวและร่างให้เกิดจุด Higher High และแม้แต่ Higher Low

ในกรณีนี้ ราคาจะลงมาต่ำลงไปถึงด้านล่างของกราฟและแนวโน้มขาลงจะดำเนินต่อไป นี่คือเหตุผลที่มันถูกเรียกว่า สัญญาณต่อเนื่อง
รูปแบบ Rising wedge เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น และมักจะนำไปสู่รูปแบบ การกลับตัว (ขาลง) ในขณะที่ Rising Wedge ที่เกิดขึ้นระหว่างแนวโน้มขาลงนั้นมักจะทำให้เกิดรูปแบบ ต่อเนื่อง (ขาลง)
พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ Rising Wedge นั้นจะนำไปสู่แนวโน้มขาลง ซึ่งหมายความว่ามันเป็นกราฟรูปแบบ Bearish